เรื่องน่ารู้ IPL คืออะไร ???
ณ เวลานี้หลายๆ คนให้ความสนใจเรื่อง IPL เป็นอย่างมากและอยากรู้ว่า IPL คืออะไร มีประสิทธิภาพอย่างไร แล้วเกี่ยวข้องอย่างไรกับการศัลยกรรม ใครอยากรู้เรื่อง IPL คืออะไร มาหาคำตอบกันได้ที่นี่เลยจ้า แล้วคำถามเรื่อง IPL คืออะไร คงไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะยังคงมีคนสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพ การทำงาน และ IPL สามารถใช้ประโยชน์อย่างไรกับตัวของเราและจะได้ผลมากน้อยเพียงใด มีผลข้างเคียงหรือไม่หากว่ามีการใช้เจ้า IPL ตัวนี้ วันนี้ใครอยากรู้คำตอบของเจ้า IPL คืออะไร วันนี้หาคำตอบได้ที่นี่กันแล้วค่ะ นั้นเราอย่ารอช้ามาดูคำตอบกันเลยดีกว่าเนอะ
IPL คืออะไร ?
โดย อ.นพ.สิทธิโชค ทวีประดิษฐ์ผล
สาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
IPL (ย่อมาจาก Intense Pulsed Light) เป็นเครื่องมือที่ให้ลำแสงที่มีความเข้มข้นสูงมีความยาวของคลื่นแสงตั้งแต่ 515 ถึง 1,200 นาโนเมตร และสามารถปรับความยาวของคลื่น และระยะเวลาการปล่อยลำแสงที่พอเหมาะในการใช้งานโดยการใช้ฟิลเตอร์
หลักการทำงานของ IPL แตกต่างจาก Laser ตรงที่คลื่นแสงที่ถูกปล่อยออกมาจะมีช่วงความยาวของคลื่นแสงที่กว้างกว่า
IPL ถูกนำมาใช้งานในการรักษารอยโรคบางชนิดบนผิวหนังและใช้ในการปรับสภาพผิวหน้าในผู้ป่วย ปัจจุบันมีเครื่อง IPL หลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
– รอยโรคทางผิวหนังที่สามารถรักษาได้โดย IPL ได้แก่
1. รอยโรคของเส้นเลือด เช่น ปานแดงตั้งแต่กำเนิด, จุดเส้นเลือดขอด
2. รอยโรคที่เกิดจากเม็ดสีของผิวหนัง เช่น ปานดำตั้งแต่กำเนิด, กระ, ฝ้า เป็นต้น
3. การถอนขน
4. การปรับสภาพผิวหน้าให้กระชับ
5. การรักษาสิวโดยใช้ร่วมกับสารเคมีบางชนิด เช่น 5-ALA
6. การรักษาแผลเป็นนูน
การรักษาโดย IPL สามารถทำในลักษณะผู้ป่วยนอกได้เหมือนการทำ Laser โดยทั่วไปใช้ระยะเวลาในการรักษา 4-6 ครั้ง แต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที เว้นระยะห่างครั้งละ 3-6 สัปดาห์
– ข้อดีของการรักษาโดย IPL ได้แก่
1. ลำแสงของ IPL จะไม่ทำลายผิวหนังชั้นบนสุดซึ่งแตกต่างจาก Laser
2. ไม่ทำให้เกิดบาดแผล
3. ใช้เวลาในการรักษาแต่ละครั้งน้อยและผู้ป่วยสามารถทำงานได้ตามปกติ
– ผลข้างเคียงของการรักษาโดย IPL เกิดขึ้นบ้างแต่ไม่รุนแรง เช่น
1. อาการเจ็บขณะที่ทำการรักษา
2. ในบางรายอาจมีผิวหนังแดง
3. ปวดแสบร้อน ซึ่งมักจะพบได้ใน 2-3 วัน หลังให้การรักษา
4. บางรายอาจจะเกิดเป็นรอยด่างขาว ซึ่งจะค่อยๆ จางหายได้เอง
5. ในบางรายอาจจะมีสีของผิวหนังเข้มขึ้นได้ แต่สามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงแสงแดดหรือใช้ครีมทากันแดด
*ข้อมูลจากสมาคมแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย